
ใช้ภาษาให้ถูกต้อง ภาษาแชทกับภาษาไทยต่างกันอย่างไร
คุยแชทกับเพื่อนแล้วรู้สึกว่า "นี่เรากำลังคุยภาษาอะไรกันอยู่เนี่ย?" จากคำว่า "สวัสดี" กลายเป็น "หวัดดี" หรือ "หวั้ดดีย์" จากประโยคยาวๆ กลายเป็นตัวย่อไม่กี่ตัว นี่แหละคือ "ภาษาแชท" ภาษาเฉพาะกลุ่มที่เกิดขึ้นมาพร้อมกับยุคดิจิทัล และกำลังเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของเรามากขึ้นเรื่อยๆ แต่รู้ไหมว่าภาษาแชทกับ "ภาษาไทย" ที่เราใช้เขียนกันมาแต่ไหนแต่ไร มันต่างกันยังไง วันนี้เราจะมาเจาะลึกความแตกต่างที่น่าสนใจของสองภาษาในหนึ่งเดียวนี้กันครับ
สารบัญเนื้อหา
- ทำความรู้จักกับภาษาแชท
- ความแตกต่างที่เห็นได้ชัด: ภาษาแชท vs ภาษาไทยมาตรฐาน
- ด้านไวยากรณ์และโครงสร้างประโยค
- ด้านการสะกดคำและวรรณยุกต์
- ด้านการใช้คำศัพท์และสำนวน
- ด้านการแสดงอารมณ์และความรู้สึก
- เจาะลึกความแตกต่างแบบละเอียด
- การย่อคำและการตัดคำ: จากประโยคยาวๆ เหลือแค่ไม่กี่ตัวอักษร
- การใช้สัญลักษณ์และตัวเลขแทนตัวอักษร: ความคิดสร้างสรรค์ที่ไม่มีขีดจำกัด
- การใช้คำซ้ำและการลากเสียงยาว: สร้างอารมณ์ร่วม
- การใช้คำเฉพาะกลุ่ม (ศัพท์วัยรุ่น): ภาษาที่สร้างความรู้สึกเป็นพวกเดียวกัน
- ข้อดีและข้อเสีย: ภาษาสองโลกในชีวิตจริง
- ข้อดี: สะดวก รวดเร็ว เป็นกันเอง
- ข้อเสีย: ทำลายหลักภาษา, สื่อสารผิดพลาด, ไม่เป็นทางการ
- บทสรุป: ภาษาสองโลกที่ต้องใช้ให้เป็น
1. ทำความรู้จักกับภาษาแชท
ก่อนจะไปดูความแตกต่าง เรามาทำความเข้าใจกับ "ภาษาแชท" กันก่อน ภาษาแชทไม่ใช่ภาษาที่ถูกสร้างขึ้นอย่างเป็นทางการ แต่เป็นภาษาที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติในกลุ่มคนที่ใช้ช่องทางการสื่อสารแบบข้อความบนโลกออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น Facebook, LINE, Twitter, หรือ Instagram ภาษาแชทเกิดขึ้นมาเพื่อตอบสนองความต้องการความรวดเร็วและความสะดวกในการสื่อสาร พูดง่ายๆ ก็คือ คนเราอยากจะพิมพ์ให้น้อยที่สุด แต่สื่อสารได้มากที่สุดนั่นเอง
ด้วยเหตุนี้ ภาษาแชทจึงมีลักษณะเฉพาะตัวที่แตกต่างจากภาษาไทยมาตรฐานที่เราใช้เขียนรายงานหรือจดหมายกันอย่างสิ้นเชิง มันคือการลดทอน ลดรูป ตัดคำ เพิ่มตัวอักษร หรือใช้สัญลักษณ์ต่างๆ เข้ามาช่วยให้การสื่อสารสั้น กระชับ และเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกมากขึ้น ภาษาแชทจึงไม่ใช่แค่เรื่องของการพิมพ์ผิดๆ ถูกๆ แต่มันคือวัฒนธรรมการสื่อสารรูปแบบใหม่ที่คนรุ่นใหม่สร้างขึ้นมาเพื่อตัวเอง
2. ความแตกต่างที่เห็นได้ชัด: ภาษาแชท vs ภาษาไทยมาตรฐาน
เมื่อเราเอาภาษาแชทมาเทียบกับภาษาไทยมาตรฐาน จะเห็นความแตกต่างที่ชัดเจนในหลายๆ ด้าน
- ด้านไวยากรณ์และโครงสร้างประโยค: ภาษาไทยมาตรฐานจะมีโครงสร้างประโยคที่ชัดเจน เช่น ประธาน + กริยา + กรรม หรือมีคำเชื่อมที่ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์ แต่ภาษาแชทไม่จำเป็นต้องมีสิ่งเหล่านี้เลย การเรียงคำจะเน้นตามความเข้าใจของผู้ส่งสารและผู้รับสารเป็นหลัก เช่น แทนที่จะพิมพ์ว่า "เธอไปกินข้าวที่ไหนมา" ก็จะกลายเป็น "ไปไหนมา" หรือ "กินไร" ซึ่งสั้นกว่ามากแต่ก็ยังเข้าใจได้
- ด้านการสะกดคำและวรรณยุกต์: ภาษาไทยมาตรฐานมีการสะกดคำและวรรณยุกต์ที่ถูกต้องตามพจนานุกรม แต่ภาษาแชทไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัวเรื่องนี้เลย เราจะเห็นการใช้ "ไม้เอก" หรือ "ไม้โท" ที่ผิดเพี้ยนไปจากเดิมเพื่อสร้างเสียงและอารมณ์ที่แตกต่าง เช่น คำว่า "มาก" อาจจะกลายเป็น "ม๊ากกก" หรือ "มากกกกกก" เพื่อเน้นว่า "มากจริงๆ นะ" ส่วนคำว่า "คะ" กับ "ค่ะ" ที่หลายคนสับสน ภาษาแชทก็อาจจะใช้ "ค๊าาาา" หรือ "ค้าาาาา" ซึ่งฟังดูเป็นกันเองมากกว่า
- ด้านการใช้คำศัพท์และสำนวน: ภาษาไทยมาตรฐานใช้คำศัพท์ที่ค่อนข้างเป็นทางการและมีความหมายที่ชัดเจน แต่ภาษาแชทมีคำศัพท์เฉพาะกลุ่มมากมายที่คนนอกอาจจะไม่เข้าใจ เช่น "จิก" (คำด่า), "แกง" (แกล้ง), "เท" (ทิ้ง), "เฟี๊ยบ" (เท่) หรือแม้แต่คำที่ผันมาจากคำภาษาอังกฤษ เช่น "ฟีลลิ่ง" (feeling), "อิน" (in) ซึ่งทำให้ภาษาแชทมีความยืดหยุ่นและสนุกสนานมากขึ้น
- ด้านการแสดงอารมณ์และความรู้สึก: ภาษาไทยมาตรฐานจะใช้คำบรรยายความรู้สึกที่ค่อนข้างตรงไปตรงมา เช่น "ฉันดีใจมาก" แต่ภาษาแชทใช้สัญลักษณ์และตัวอักษรเพื่อสร้างอารมณ์ได้หลากหลายกว่า เช่น "ดีใจจจจ ><" หรือใช้ emoji ต่างๆ เข้ามาช่วยเสริมความรู้สึก
3. เจาะลึกความแตกต่างแบบละเอียด
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น เราจะมาดูตัวอย่างและเจาะลึกถึงลักษณะเด่นของภาษาแชทที่ต่างจากภาษาไทยมาตรฐาน
- การย่อคำและการตัดคำ: นี่คือจุดเด่นที่สุดของภาษาแชท เพราะทุกคนต้องการความรวดเร็วในการพิมพ์ เราจึงเห็นการตัดคำที่ไม่จำเป็นออกไป เช่น
- ภาษาไทย: ขอบคุณครับ/ค่ะ -> ภาษาแชท: ขอบคุณ, ขอบใจ, ขอบคุง
- ภาษาไทย: คิดถึงจังเลย -> ภาษาแชท: คถ, คถจุง
- ภาษาไทย: ไปไหนมา -> ภาษาแชท: ไปไหนมา, ไปไสมา
- ภาษาไทย: ทำอะไรอยู่ -> ภาษาแชท: ทำไรอยู่, ทำไร
- ภาษาไทย: จริงเหรอ -> ภาษาแชท: จิงหรอ, จิงดิ การย่อคำเหล่านี้เกิดขึ้นจากความต้องการความสั้นและกระชับ ทำให้การสนทนาไหลลื่นและไม่เสียเวลาพิมพ์นานๆ
- การใช้สัญลักษณ์และตัวเลขแทนตัวอักษร: นี่คือการเล่นกับตัวอักษรเพื่อสร้างความหมายใหม่ๆ ที่น่าสนใจ
- การใช้ตัวอักษรซ้ำๆ เพื่อเน้นอารมณ์ เช่น "ดีใจม๊ากกกกกก" (ดีใจมากๆ)
- การใช้ตัวอักษรพิเศษหรือสัญลักษณ์เพื่อสร้างความหมาย เช่น "^^", ":)", ":(" เพื่อแสดงอารมณ์
- การใช้ตัวเลขแทนคำ เช่น "555" (หัวเราะ) หรือ "44444" (หัวเราะหนักมาก)
- การใช้คำเฉพาะกลุ่มที่ผันมาจากคำภาษาอังกฤษ เช่น "นก" (มาจากคำว่า fail)
- การใช้คำซ้ำและการลากเสียงยาว: ภาษาแชทมักจะใช้การซ้ำคำเพื่อเน้นความรู้สึก เช่น "ร้อนๆๆ" หรือ "หนาววววววววว" นอกจากนี้ยังมีการลากเสียงยาวๆ เพื่อแสดงอารมณ์หรือน้ำเสียงที่แตกต่างออกไป เช่น "ไปไหนค้าาาา" (ถามด้วยความน่ารัก) หรือ "หงุดหงิดดดดด" (แสดงความไม่พอใจ)
- การใช้คำเฉพาะกลุ่ม (ศัพท์วัยรุ่น): ภาษาแชทสร้างภาษาเฉพาะกลุ่มขึ้นมาเพื่อใช้สื่อสารกันเองในกลุ่มเพื่อนฝูง ทำให้คนนอกกลุ่มอาจจะไม่เข้าใจ
- ปัง: หมายถึง "ดีเยี่ยม"
- แกง: หมายถึง "แกล้ง"
- บ้ง: หมายถึง "ไม่ดี" หรือ "แย่"
- ฟาด: หมายถึง "การกระทำที่รุนแรงหรือเผ็ดร้อน"
- ตัวแม่: หมายถึง "คนที่มีความสามารถหรือมีอิทธิพล" คำเหล่านี้เกิดขึ้นและเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาตามกระแสสังคมออนไลน์ ทำให้ภาษาแชทเป็นภาษาที่มีชีวิตและมีการพัฒนาอยู่เสมอ
4. ข้อดีและข้อเสีย: ภาษาสองโลกในชีวิตจริง
การเข้ามาของภาษาแชทไม่ใช่เรื่องผิดหรือถูก แต่มันมีทั้ง ข้อดี และ ข้อเสีย ที่เราต้องทำความเข้าใจ
-
ข้อดี:
- สะดวกและรวดเร็ว: การย่อคำและตัดคำช่วยให้การพิมพ์ง่ายและรวดเร็วขึ้น เหมาะกับการสื่อสารในยุคที่ต้องการความฉับไว
- เป็นกันเองและผ่อนคลาย: ภาษาแชทช่วยลดความตึงเครียดในการสื่อสาร ทำให้เรากล้าที่จะพูดคุยกับคนที่ไม่สนิทได้ง่ายขึ้น
- สร้างความรู้สึกเป็นพวกเดียวกัน: การใช้คำศัพท์เฉพาะกลุ่มช่วยสร้างความรู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในกลุ่มเพื่อนหรือกลุ่มสังคมออนไลน์
- แสดงอารมณ์ได้หลากหลาย: การใช้ emoji, สัญลักษณ์, หรือการสะกดคำที่ผิดเพี้ยนไปจากเดิมช่วยให้เราแสดงอารมณ์ได้มากกว่าการพิมพ์ข้อความธรรมดา
-
ข้อเสีย:
- ทำลายหลักภาษา: การใช้ภาษาแชทมากๆ อาจทำให้เราลืมการสะกดคำและไวยากรณ์ที่ถูกต้อง และเผลอนำไปใช้ในงานที่เป็นทางการ ซึ่งอาจจะส่งผลเสียต่อความน่าเชื่อถือได้
- สื่อสารผิดพลาด: คำย่อหรือคำเฉพาะกลุ่มบางคำอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้หากใช้กับคนที่ไม่คุ้นเคยกับภาษานั้นๆ
- ไม่เป็นทางการ: ภาษาแชทไม่เหมาะกับการใช้ในงานเขียนเชิงวิชาการ รายงาน หรือการสื่อสารในที่ทำงาน เพราะจะทำให้เนื้อหาดูไม่น่าเชื่อถือและขาดความเป็นมืออาชีพ
**5. สรุป ภาษาสองโลกที่ต้องใช้ให้เป็น
สรุปแล้ว ภาษาแชท และ ภาษาไทยมาตรฐาน ไม่ได้เป็นศัตรูกัน แต่เป็นเหมือน "สองโลก" ที่อยู่ร่วมกันและมีบทบาทที่แตกต่างกันไปในชีวิตของเรา ภาษาแชทตอบโจทย์ความต้องการความรวดเร็วและเป็นกันเองในการสื่อสารในโลกออนไลน์ ในขณะที่ภาษาไทยมาตรฐานยังคงเป็นพื้นฐานสำคัญที่ช่วยให้เราสามารถสื่อสารได้อย่างเป็นทางการและถูกต้อง
การเรียนรู้ที่จะใช้ภาษาให้ถูกบริบทจึงเป็นสิ่งสำคัญ เราควรใช้ภาษาแชทเมื่อคุยกับเพื่อนสนิทหรือคนในครอบครัว เพื่อสร้างความรู้สึกเป็นกันเอง และ ควรใช้ภาษาไทยมาตรฐานเมื่อต้องเขียนงานที่เป็นทางการ เช่น อีเมล, รายงาน, หรือการนำเสนอ
ดังนั้น แทนที่จะมองว่าภาษาแชทเป็นสิ่งที่ผิด เราควรทำความเข้าใจและเรียนรู้ที่จะใช้มันอย่างชาญฉลาด การรู้ว่าเมื่อไหร่ควรใช้ภาษาไหน จะช่วยให้เราเป็นนักสื่อสารที่มีประสิทธิภาพในทุกสถานการณ์ และสามารถเชื่อมโยงทั้งสองโลกเข้าด้วยกันได้อย่างลงตัวครับ